การทำ SEO (Search Engine Optimization) หรือการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ในหน้า Search Engine โดยเฉพาะ Google นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ในยุคปัจจุบัน การที่เว็บไซต์ของคุณมีอันดับ SEO ที่ดีย่อมหมายถึงการมีจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์และโอกาสในการขายสินค้า/บริการที่มากขึ้น รวมถึงการมีตัวตนในตลาดที่อาจสร้างมูลค่าต่อแบรนด์ได้ในระยะยาว
ในการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่แค่การทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ให้สามารถตอบสนองผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว มีความสวยงาม ใช้งานง่าย และยังต้องอาศัยปัจจัยอีกหลายประการที่จะทำให้อัลกอริทึมของ Google มองเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพเพียงพอที่จะติดหน้าแรก ซึ่งรวมถึงการมี Hosting ที่ดี รองรับการใช้งานได้ครบถ้วนในทุกมิติ
สำหรับความแตกต่างของ Hosting ทั่วไปและ SEO Hosting คือเรื่องของ IP โดย Hosting ที่ให้บริการทั่วไปจะมีโดเมนได้หลายโดเมน แต่ทุกโดเมนจะมี IP ที่เหมือนกัน ดังนั้น ระบบของ Google จะมองว่าเว็บไซต์ทุกเว็บเหล่านั้นมาจาก Hosting เดียวกัน จึงไม่มีประโยชน์ต่อการทำ SEO ในขณะที่ SEO Hosting จะเป็นบริการแบบ Different Class IP คือจะมี IP แต่ละ IP ที่แตกต่างกันทั้งหมดในระดับ C Class ซึ่งแต่ละ IP ยังมาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในมุมมองของอัลกอริทึมของ Search Engine โดยข้อดีอีกประการหนึ่งของ SEO Hosting คือคุณยังสามารถจัดการเว็บไซต์ทั้งหมดได้ในคราวเดียว ไม่ต้องสมัครใช้ Hosting หลาย ๆ แห่งพร้อมกัน SEO Hosting จึงเป็น Hosting ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับจุดประสงค์ในการทำ SEO โดยเฉพาะ โดย SEO Hosting จะช่วยเพิ่มการมองเห็นให้กับเว็บไซต์ของคุณ ทำให้อันดับ SEO ดีขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ยอดขายที่มากขึ้นนั่นเอง
วิธีเลือก Hosting ที่มีคุณภาพและเหมาะสำหรับทำ SEO
การเลือก SEO Hosting ที่มีคุณภาพนั้นมีความสำคัญต่อการทำ SEO เป็นอย่างมาก นอกจากจะเป็นปัจจัยในการกำหนดประสบการณ์ของผู้ใช้แล้ว ยังอาจส่งผลในเรื่องการจัดอันดับผลการค้นหาของ Search Engine โดยเฉพาะ Google จนส่งผลต่อธุรกิจในระยะยาวได้ เทคนิคในการเลือก SEO Hosting มีดังนี้
IP Class
SEO Hosting จะต้องมี IP ที่หลากหลายและมี Class C ที่ไม่ซ้ำกัน เนื่องจาก Google จะตรวจจับ Backlink ในกรณีที่เว็บไซต์ที่ส่ง Backlink เป็น IP ที่มี Class C เดียวกันก็จะทำให้ Google มองว่าการกระทำเหล่านี้เป็นการปั่นอันดับและส่งผลเสียต่อการทำ SEO ได้ ดังนั้น Backlink ที่มี Class C ใน IP ต่างกันก็ย่อมทำให้ผลการจัดอันดับดีกว่า
Bandwidth ของ SEO Hosting
Bandwidth คือ ข้อมูลที่วิ่งเข้าและออกระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์และผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งผู้ให้บริการก็มักมีการจำกัดปริมาณ Bandwidth ไว้ตามแพ็คเกจการบริการอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อมีผู้ใช้งานมากเกินกำหนดก็จะทำให้เซิร์ฟเวอร์ระงับการใช้งานของเว็บไซต์นั้นชั่วคราว ซึ่งไม่ดีแน่สำหรับผู้ใช้งานและการทำ SEO